top of page

ตรวจ NIPT เทคนิคดูแลตัวเองและลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่มือใหม่ไม่ควรพลาด


ตรวจ NIPT เทคนิคดูแลตัวเองและลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่มือใหม่ไม่ควรพลาด

ตรวจ NIPT เทคนิคดูแลตัวเองและลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่มือใหม่ไม่ควรพลาด ในช่วงเวลาแห่งความสุขของการตั้งครรภ์ การเตรียมตัวและการดูแลทั้งตัวเองและลูกน้อยในครรภ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด หนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณแม่มือใหม่สามารถเข้าใจและเตรียมตัวสำหรับสุขภาพที่ดีที่สุดของทั้งแม่และเด็กคือ การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่เป็นอันตรายต่อคุณแม่และลูกน้อย ทั้งยังมีความแม่นยำสูงในการคัดกรองโรคพาทัวซินโดรม ดาวน์ซินโดรม และความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 18 วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคดูแลตัวเองและลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์ที่คุณแม่มือใหม่ไม่ควรพลาด


เทคนิคดูแลตัวเองและลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์


ตรวจ NIPT เทคนิคดูแลตัวเองและลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่มือใหม่ไม่ควรพลาด

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและท้าทายสำหรับคุณแม่มือใหม่ การดูแลตัวเองและลูกน้อยในครรภ์อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ทั้งคุณแม่และทารกมีสุขภาพที่ดีที่สุด ต่อไปนี้คือเทคนิคการดูแลตัวเองและลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์ที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้:


วิธีการคลอด

การตัดสินใจเลือกวิธีการคลอดเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ รวมถึงการศึกษาข้อมูล และการปรึกษากับแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสุขภาพของทั้งแม่และเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการคลอดธรรมชาติหรือการคลอดผ่าตัด แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกันดังนี้

การคลอดธรรมชาติ

วิธีนี้เป็นการคลอดที่เกิดขึ้นโดยอาศัยกระบวนการธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด ข้อดีคือการฟื้นตัวหลังคลอดเร็วกว่า มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยกว่า และสามารถสร้างประสบการณ์การเชื่อมต่อระหว่างแม่กับลูกได้ดี อย่างไรก็ตาม บางครั้งอาจต้องใช้การช่วยเหลือเช่นการใช้ยาเร่งคลอดหรือการใช้เครื่องมือช่วยในกรณีคลอดยาก

การคลอดด้วยวิธีผ่าตัด

เป็นการคลอดที่ต้องทำผ่านการผ่าตัด เหมาะสำหรับกรณีที่การคลอดธรรมชาติมีความเสี่ยงต่อแม่หรือเด็ก เช่น ทารกอยู่ในท่าที่ไม่ปลอดภัยสำหรับการคลอดธรรมชาติ คุณแม่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง หรือมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ ข้อดีคือสามารถลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการคลอดธรรมชาติ แต่การฟื้นตัวอาจใช้เวลานานกว่า และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด

การคลอดในน้ำ

การคลอดในน้ำเป็นวิธีที่ใช้น้ำเป็นสื่อเพื่อช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลาย และลดความเจ็บปวดในระหว่างการคลอด วิธีนี้มีการรายงานว่าช่วยให้กระบวนการคลอดเป็นไปได้ง่ายขึ้น และรวดเร็วขึ้นสำหรับคุณแม่

ฝากครรภ์เพื่อเตรียมความพร้อม

การฝากครรภ์เป็นขั้นตอนสำคัญในระหว่างตั้งครรภ์ที่ช่วยให้คุณแม่ และทารกในครรภ์ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การฝากครรภ์ช่วยให้สามารถติดตามการเจริญเติบโต และพัฒนาการของทารก รวมถึงการตรวจสอบสุขภาพของคุณแม่อย่างใกล้ชิด นี่คือเทคนิคและคำแนะนำสำหรับการฝากครรภ์เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงตั้งครรภ์:

  • เริ่มต้นการฝากครรภ์โดยเร็วที่สุด: ควรเริ่มต้นฝากครรภ์ตั้งแต่ทราบข่าวการตั้งครรภ์ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณแม่และลูกน้อยได้รับการดูแล และคำแนะนำที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้น

  • เลือกแพทย์หรือคลินิกที่เหมาะสม: ควรเลือกแพทย์หรือคลินิกที่คุณรู้สึกสบายใจ และเชื่อมั่นในความสามารถ การมีแพทย์หรือคลินิกที่ตอบสนองความต้องการ และคำถามของคุณแม่ได้ดีจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์

  • ติดตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ: การไปพบแพทย์ตามนัดหมายที่กำหนดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อติดตามสถานะสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกน้อย การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยในการตรวจจับปัญหาหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที

เสริมสุขภาพคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดในการเสริมสุขภาพทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ การเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการสามารถช่วยส่งเสริมการพัฒนาการที่สมบูรณ์แบบของทารก และช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพที่ดีในระหว่างตั้งครรภ์ 

  • โฟเลตและกรดโฟลิก: โฟเลตเป็นวิตามิน B ที่สำคัญซึ่งช่วยป้องกันการเกิดข้อบกพร่องทางสมองและไขสันหลังของทารก แหล่งอาหารที่ดีของโฟเลตรวมถึงผักใบเขียว, ถั่ว, และผลไม้ เช่น ส้ม คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารเสริมกรดโฟลิกตามคำแนะนำของแพทย์

  • ธาตุเหล็ก: ช่วยป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจางในคุณแม่ตั้งครรภ์ แหล่งอาหารที่ดีของธาตุเหล็ก ได้แก่ เนื้อสัตว์ไม่มีมัน, ปลา, ไก่, ถั่ว, และผักใบเขียวเข้ม

  • แคลเซียม: สำคัญสำหรับการพัฒนากระดูกของทารก แหล่งแคลเซียมที่ดี ได้แก่ นม, โยเกิร์ต, ชีส, และผักเช่น คะน้า

  • โอเมก้า-3 ไขมัน: ช่วยส่งเสริมการพัฒนาสมองและการมองเห็นของทารก ปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน, แมคเคอเรล, และวอลนัท เป็นแหล่งรวมโอเมก้า-3

  • วิตามิน D: ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น แหล่งอาหารที่ดีของวิตามิน D ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์นมที่เสริมวิตามิน D, ปลาทะเลบางชนิด, และการได้รับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสม

  • น้ำ: การดื่มน้ำเพียงพอช่วยในการรักษาระดับน้ำในร่างกายและป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งสำคัญมากในระหว่างตั้งครรภ์

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ปลอดภัย: คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจเป็นอันตราย เช่น อาหารดิบ ปลาที่มีปริมาณปรอทสูง และอาหารที่มีคาเฟอีนสูง

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณแม่มีพลังงานที่เพียงพอสำหรับการทำกิจกรรมประจำวัน และเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดบุตรด้วยค่ะ


ควบคุมน้ำหนักให้พอดี

การควบคุมน้ำหนักในระดับที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ และในระหว่างการคลอด การปรึกษากับแพทย์เพื่อหาน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่มขึ้นในแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญ


นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนและฟื้นฟู ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพของทั้งแม่และเด็ก


ลดความเครียด ไม่วิตกกังวล

การรักษาสภาวะจิตใจให้แจ่มใส และปราศจากความเครียดเป็นสิ่งสำคัญในช่วงตั้งครรภ์ การทำสมาธิ, โยคะ, หรือกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายเป็นตัวเลือกที่ดีในการลดความเครียด


การวินิจฉัยก่อนคลอด

การวินิจฉัยก่อนคลอดเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้แพทย์ และคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถติดตามสุขภาพ และพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้อย่างใกล้ชิด การทำการวินิจฉัยนี้ช่วยในการตรวจคัดกรองปัญหาหรือความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับทารก และให้การดูแลที่เหมาะสมก่อนและหลังการคลอด 


ตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์

การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมเป็นส่วนหนึ่งของการวินิจฉัยก่อนคลอดที่มีความสำคัญ เนื่องจากช่วยให้คุณแม่ และแพทย์ทราบถึงความเสี่ยงของการมีบุตรที่อาจมีความผิดปกติทางโครโมโซม เช่น ดาวน์ซินโดรม โรคพาทัวซินโดรม และความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 18 การตรวจนี้มักจะทำผ่านการตรวจเลือดและการสแกนด้วยอัลตราซาวนด์ในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ โดยเทคนิคที่คุณแม่ส่วนใหญ่เลือกใช้คือ NIPT Test หรือ Non-Invasive Prenatal Testing เป็นเทคนิคที่ปลอดภัย และแม่นยำที่ใช้ในการตรวจหาความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับโครโมโซม เช่น ตรวจหาดาวน์ซินโดรมในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยเป็นการตรวจคัดกรองจากเลือดของมารดา กล่าวคือคุณแม่จะไม่ต้องเจ็บตัวรวมถึงทารกก็ยังปลอดภัย โดยทั่วไป การทดสอบ NIPT จะดำเนินการได้ตั้งแต่ช่วงประมาณ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เป็นวิธีที่มีความแม่นยำสูงในการระบุภาวะที่เกี่ยวข้องกับดาวน์ซินโดรม และมั่นใจได้ว่าการทดสอบนี้ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อทั้งมารดาหรือทารก


ตรวจ NIPT กับ Momguard Thailand สถาบันตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมชั้นนำในไทย แม่นยำสูง 99%


ตรวจ NIPT เทคนิคดูแลตัวเองและลูกน้อยระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่มือใหม่ไม่ควรพลาด

MomGuard Thailand เป็นหนึ่งในสถาบันตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซม ด้วยเทคโนโลยีตรวจ NIPT ชั้นนำในไทย ที่นอกจากจะตรวจความผิดปกติทางโครโมโซมของทารกก่อนคลอด และตรวจทราบเพศทารกได้แล้ว MomGuard ยังสามารถตรวจหาความผิดปกติได้ครบทุกคู่โครโมโซม (ตั้งแต่คู่ที่ 1-22) และสามารถตรวจความผิดปกติของโครโมโซมเพศ (คู่ 23) ได้อีกด้วย ในแพ็คเกจ MomGuard Protect+ ราคาเพียง 13,900 บาท (จากราคาปกติ 18,900 บาท) และหากคุณพ่อคุณแม่มีความประสงค์ร่วมบริจาครกเพื่อการวิจัย กับโครง LBM BioBank ที่ทาง MomGuard Thailand เป็น Partner อยู่ด้วยนั้น จะได้รับส่วนลดอีกสูงสุดถึง 5,000 บาทเลยค่ะ

นอกจากนี้ MomGuard ยังมีการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกแรกคลอด หรือ IMS Test ซึ่งมีอยู่ในแพ็คเกจ MomGuard Protect Premium 

หากคุณเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ เราขอแนะนำให้ตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมกับ Momguard Thailand สถาบันตรวจดาวน์ซินโดรมชั้นนำ ที่เหล่าคุณแม่ส่วนใหญ่ไว้วางใจ ที่นี่เรามาพร้อมเทคโนโลยี Next Generation Sequencing (NGS) ที่ทันสมัย ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก จาก College of American Pathologist ว่าปลอดภัยทั้งต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ อีกทั้งยังแม่นยำกว่า 99% อีกด้วย ติดต่อเราเพื่อขอคำแนะนำ สอบถามสถานที่ตรวจ และรับ โปรโมชั่น ตรวจ NIPT ได้แล้ววันนี้


ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆ จาก Momguard Thailand ที่ 

Instagram: momguard_nipt



ดู 18 ครั้ง
bottom of page